วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log (29th October, 2015 – 30th October, 2015 )





Learning Log
29 October – 30 October 2015
สิ่งที่เรียนรู้จากการอบรม “เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ”

                ความท้าทายด้านการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ในการเตรียมนักเรียนให้พร้อมกับชีวิตในศตวรรษ 21 เป็นเรื่องสำคัญของกระแสปรับเปลี่ยนทางสังคมที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ส่งผลต่อวิถีการดำรงชีพของสังคมอย่างทั่วถึง ครูจะต้องมีความตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนมีทักษะสำหรับการออกไปดำรงชีวิตในโลกในศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19 โดยทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ที่สำคัญที่สุดคือทักษะการเรียนรู้ (Learning skill) ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เกิดในศตวรรษที่ 21 นี้มีความรู้ความสามารถและทักษะจำเป็น ซึ่งเป็นผลจากการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตลอดจนการเรียนความพร้อมด้านต่างๆ
                ครูเป็นบุคคลหลักของการปฏิรูปการเรียนรู้ ดังนั้นครูจะต้องเป็นผู้มีทักษะที่เรียกว่า “ทักษะของครูมืออาชีพ” เป็นทักษะที่เน้นการสร้างหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนให้เด็กๆเป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง โดยทำงานเป็นกลุ่มเน้นภาวะผู้นำและผู้ตาม ตลอดจนสอนให้เด็กๆสร้างนวัตกรรมด้วยการทำโครงงานหรือทำวิจัยพื้นฐาน และครูก็ทำวิจัยพัฒนาการเรียนรู้ด้วย ทักษะเพื่อการเป็นครูมืออาชีพตามพระราชบัญญัติการศึกษาชาติ ทักษะ5c เป็นทักษะที่สำคัญที่ได้จากการวิเคราะห์สิ่งที่ครูต้องปฏิบัติและพึงมีตามพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ.2542 ในหมวด 4 แนวการจัดการศึกษาทักษะ 5c เป็นทักษะที่ครูควรได้รับการพัฒนาเพื่อการเป็นครูมืออาชีพ ซึ่งได้แก่ทักษะดังต่อไปนี้ ทักษะ c1 : curriculum development skills, ทักษะ c2 : Child – centered approach skills, ทักษะ c3 : Classroom innovation implementation, ทักษะ c4 : classroom authentic assessment และทักษะ c5 : classroom action research ซึ่งทักษะ 5c นี้จะนำมาซึ่งความสำเร็จของการปฏิรูปห้องเรียนและโรงเรียน
                ในศตวรรษที่ 21 การจัดการกระบวนการเรียนรู้ จึงพยายามเปลี่ยนบทบาทครูจากผู้บรรยายมาเป็นครูร่วมกันออกแบบกิจกรรมในการจัดกระบวนการเรียนรู้ (Pedegogy) ให้นักเรียนใช้เป็นเครื่องมือไปเรียนรู้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกและเสนอแนะเครื่องมือการเข้าถึงองค์ความรู้ผ่านวิธีการต่างๆโดยเฉพาะผ่าน Technology ให้เข้าถึงองค์ความรู้ได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง นำความรู้ที่ได้มาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนในห้องเรียกกระบวนการเรียนรู้แบบนี้ว่า Active Learning ที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student – centered) และ ปรับเปลี่ยนการเรียนเปลี่ยนวิธีการสอนจาก Passive Learning เป็นกระบวนการเรียนรู้โดยการอ่านฟังบรรยาย โดยยึดเนื้อหา (content Based) จากหนังสือและตำราซึ่งเป็นรูปแบบที่ครูในประเทศไทยคุ้นเคยและใช้กันมาก ครูจะพยายามบรรยายและบอกทุกสิ่งทุกอย่างในตำราหรือหนังสือให้นักเรียนจดบันทึกแล้วนำไปใช้สอบวัดเก็บเป็นคะแนนความรู้
                ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 ที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต คือการเรียนรู้ 3R x 7C 3R  คือ
Reading (อ่านออก), (W)Riting (เขียนได้) และ (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น)
7C ได้แก่
Critical thinking & problem solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา)
Creativity & innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม)
Cross-cultural understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์)
Collaboration, teamwork & leadership (ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ)
Communications, information & media literacy (ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ)
Computing & ICT literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)
Career & learning skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)
                การสร้างทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (Model of 21st Century Outcomes and Support Systems) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขว้างต่อเนื่องด้วยเป็นกรอบแนวคิดที่เน้นผลลัพธ์ที่เกิดกับผู้เรียน (Student Outcomes) ทั้งในด้านความรู้สาระวิชาหลัก (core Subject) และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เตรียมความพร้อมในหลากหลายด้านรวมทั้งระบบสนับสนุนการเรียนรู้ ได้แก่มาตรฐานและการประเมินหลักสูตรและแผนการสอน การพัฒนาครู สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนในศตวรรษที่ 21 การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ต้องก้าวข้าม “สาระวิชา ไปสู่การเรียนรู้” ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) ซึ่งครูจะเป็นผู้สอนไม่ได้ แต่ต้องให้นักเรียนเป็นผู้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยครูจะออกแบบการเรียนรู้ต้องฝึกฝนให้ตนเองเป็นโค้ช(coach) และอำนวยความสะดวก (Facilitator) ในการเรียนรู้แบบ PBL (Problem – Based Learning) ของนักเรียน ซึ่งเป็นตัวช่วยของครูในการจัดการเรียนรู้คือชุมชน การเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ (Professional Learning Communities : PLC) เกิดจากการรวมตัวกันของครูเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำหน้าที่ของครูแต่ละคน



Learning Log
29 October – 30 October 2015
สิ่งที่เรียนรู้จากการอบรม “เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ”

                การศึกษาของเด็กไทยที่ผ่านมา มีการพยายามในการยกระดับมาตรฐานทางการศึกษาของเด็กและเยาวชนไทยเพื่อให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ เนื่องจากในการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กไทยในแต่ละปี ผลที่ออกมายังคงอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งในปัจจุบันการศึกษาไทยนั้นตกต่ำอย่างมาก และยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ในเร็ววัน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นแทบจะกลายเป็นปัญหาคาราคาซัง ซึ่งปัญหาเหล่านี้คือปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเด็กไทยที่เข้าเรียนในระบบการศึกษาไทยและปัญหาเหล่านี้แทบจะเห็นกันอย่างชินชา การเรียนภาษาอังกฤษถึงแม้ว่าจะมีการเรียนมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ที่คนไทยเราร่ำเรียนกันมาเนิ่นนาน ภาษาอังกฤษเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตตั้งแต่ระดับอนุบาล แต่ก็ยังคงมีประเด็นที่ยังคงสงสัยกันอยู่ว่า เหตุใดคนไทยจึงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทั้งๆที่ได้เรียนภาษาอังกฤษกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งปัญหาที่เด็กไทยไม่สามารถพูดภาษาได้นั้นเป็นปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไขในขณะนี้
                “ทำไมเด็กไทยไม่สามารถภาษาอังกฤษได้” เป็นคำถามที่มีการถามมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสาเหตุที่เด็กไทยไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้นั้น  น่าจะมีสาเหตุมาจากเด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษเพื่อให้รู้ภาษาอังกฤษ   แต่เด็กไทยในประเทศเจ้าของภาษาเน้นการใช้ภาษาอังกฤษในการเรียน  โรงเรียนของเจ้าของภาษาตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาลถึงประถมต้น  ไม่ได้สอนภาษาอังกฤษแต่เน้นให้เด็ก  ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร  ในการเรียนทุกวิชา  ส่วนโรงเรียนบ้านเรา  แยกสอนภาษาอังกฤษเป็นวิชา ต่างหาก  เด็กไทยจึงรู้แค่ภาษาอังกฤษ  แต่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้  และเด็กไทยกลัวทำผิดแล้วไม่ยอมใช้ภาษาอังกฤษ  เพราะตั้งแต่เด็กไทยถูกสอนว่าหากจะใช้ภาษาอังกฤษต้องใช้ให้ถูกไวยากรณ์  ถึงกลัวการพูดผิดไวยากรณ์  แต่เด็กในประเทศเจ้าของภาษา จะไม่โดนจับผิดในเรื่องนี้เพราะเขารู้ว่าวิธีเดียวที่จะเก่งภาษาอังกฤษคือจะต้องฝึกให้เยอะ  การพูดผิดเขียนผิดจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่  และส่วนที่สำคัญคือภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคิดของเด็กไทย  หลักการทางจิตวิทยาการเรียนรู้บอกว่าคนจะเก่งภาษาใดได้ก็ต้องรู้จักคิดเป็นภาษานั้น  หากจะให้เก่งภาษาอังกฤษ  ด้านวิทยาศาสตร์ก็ต้องรู้คิดเรื่องวิทยาศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษ  อยากจะเก่งภาษาอังกฤษด้านคณิตศาสตร์  ก็ต้องรู้จักคิดบวกลบคูณหารเป็นภาษาอังกฤษ  การสอนภาษาอังกฤษที่แยกออกมาเป็นวิชาต่างหากถ้าไม่เด็กไทยไม่สามารถคิดเป็นภาษาอังกฤษ  ปัญหาของการเรียนภาษาอังกฤษของเด็กไทย  นักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่เรียนเพื่อที่จะสอบผ่าน  ซึ่งเป็นกรอบความคิดที่แคบโลกสมัยใหม่เปลี่ยนไปแล้วแล้วไม่ใช่แค่เรียนเพื่อสอบแต่ต้องเรียนเพื่อการเรียนรู้
                การเรียนภาษาอังกฤษเพื่อให้รู้ภาษาอังกฤษ  ควรมีการตั้งเป้าหมายที่ไกล  เรียนเพื่อเป็นประโยชน์ในด้านอื่น  โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือเหมือนกับการเรียนวิชาอื่น  การที่จะทำให้การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยพัฒนาได้  นั้นจะต้องจัดการกับปัญหาการศึกษาของประเทศไทย  ซึ่งยังคงเป็นปัญหาระดับชาติที่ยังคงมีมาต่อเนื่องหลายยุคหลายสมัย  ซึ่งส่งผลทำให้การศึกษาไทยไร้ประสิทธิภาพ  มีการพัฒนา คนให้มีความรู้ในภาษาอังกฤษสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง  และสอนให้คนไทยเรียนเรื่องวัฒนธรรมต่างชาติ  ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจบริบทวัฒนธรรมทางภาษา  แม่จะถูกประโยคแต่ก็ผิดบริบท  เพราะฉะนั้นครูผู้สอนภาษา อังกฤษนั้นจะต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้เรียน  ภาษาอังกฤษให้มีทัศนคติในเชิงบวก  เพิ่มโอกาสในการฝึกภาษาอังกฤษ  และอีกส่วนที่สำคัญครูผู้สอนภาษาอังกฤษควรตระหนักและออกแบบสื่อการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำภาษาอังกฤษไปใช้ได้จริง




Learning Log
29 October – 30 October 2015
สิ่งที่เรียนรู้จากการอบรม “เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ”

องค์ความรู้มีความสำคัญในการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นั้นประกอบไปด้วย ภาษาอังกฤษ(English) ทักษะการการ(reading) เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และได้รับความรู้ต่างๆมากมากเพิ่มเติม โดยเชื่อว่าทักษะการอ่านเป็นทักษะพื้นฐานในการเรียนรู้ต่างๆทักษะการใช้ภาษาอื่นๆ(language arts) ได้แก่การฟังการพูดเละการเขียนภาษาต่างประเทศ (world  language)และศิลปะ (art) คณิตศาสตร์ (mathematics) เศรษฐศาสตร์ (economics) วิทยาศาสตร์ (science) ภูมิศาสตร์ (geography) ประวัติศาสตร์ (history) การปกครองและหน้าที่พลเมือง (government and civics) สาขาวิชากลุ่มสังคมศาสตร์(social science) ในถานะที่เป็นอังกฤษภาษาแม่ เพราะฉะนั้นครูผู้สอนที่จะสอนภาษาอังกฤษนั้นควรที่จะมีวิธีการสอนที่ดีและเหมาะสมกับผู้เรียนเหมาะสมกับโรงเรียน ชุมชน เพื่อให้การเรียนการสอนภาษาอังกฤษนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
                  แนวการสอนภาษาอังกฤษมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกสอน ทั้งนี้ครูผู้สอนจะต้องจะต้องเลือกใช้ให้ให้เหมาะสมเพื่อการรู้นั้นมีประสิทธิภาพที่ดี ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้มากที่สุด ซึ่งรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษมีดังนี้
                  วิธีการแบบไวยากรณ์และแปล(the grammar-translation method) จะเน้นการฟังและการพูดแต่เน้นการเรียนไวยากรณ์และการแปลมีการใช้วิธีการสอนแบบนี้ในการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ
                   วิธีการสอนแบบตรง (the direct method) วิธีสอนแบบตรงอิงแนวคิดที่ว่า ภาษาคือภาษาพูด การเรียนภาษาคือการให้ผู้เรียนได้สื่อสารด้วยภาษาที่เรียน
                    วิธีการสอนแบบฟัง-พูด (the audio-lingual method) อิงแนวคิดที่ว่า ภาษาคือ ภาษาพูด การสอนภาษาจึงควรเริ่มจากการฟัง-พูด ซึ่งเป็นพื้นฐานไปสู้การอ่านและการเขียน
วิธีการสอนแบบเงียบ(the silent way)วิธีการสอนแบบเงียบ วิธีการสอนนี้มีหลักการเน้นความรู้ความเข้าใจเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญให้ผู้เรียนคิดเองผู้สอนจะพูดน้อยที่สุด
                       วิธีการสอนตามแนวธรรมชาติ (the natural approach ) เป็นแนวการสอนที่แลนแบบการรับรู้ภาษาที่หนึ่งของเด็กเล็ก ซึ่งเป็นการรับรู้ที่เกิดขึ้น ตามธรรมชาติ ไม่มีใครสอนพัฒนาทักษะทางภาษาเพื่อการสื่อสารกับเจ้าของภาษา
                   วิธีการสอนแบบชักชวน(suggest pedia) วิธีการสอนนี้ ผู้สอนควรโน้มน้าวให้ผู้เรียนได้ใช้พลังสมองของตนอย่างเต็มที่ โดยขจัดความกลัว ความวิตกกังวล
                     วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง มีความเชื่อว่าถ้าบุคคลใดได้รับการฝึกฝนบ่อยๆอย่างต่อเนื่องก็จะเกิดการเก็บสะสมประสบการณ์ต่างๆและสามารถละลึกและถ่ายทอดได้
                      การเรียนรู้แบบร่วมมือ(cooperative learning) ส่งเสริมให้ผู้เรียนทำงานเป็นกลุ่ม ร่วมกันเพื่อให้ตนเองและสมาชิกทุกคนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด
                       การเรียนรู้แบบภาระงาน (task based learning ) เป็นการจัดการเรียนสอนที่ใช้ภาระงานเป็นหลัก เพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่มในการพัฒนาการเรียนการสอน
                        การเรียนรู้จากการทำโครงงาน (project – based learning) โครงการเป็นวิธีการสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
                         แนวการสอนภาษาแบบกำหนดสถานการณ์ จะเป็นการเน้นตัวผู้เรียน ผู้สอนหรือผู้เรียนเลือกสถานการณ์ที่คิดว่าผู้เรียนจะต้อง ประสบในการใช้ภาษา
                          แนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร(the communicative approach)เป็นการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ ซึ่งมุงเน้นความสำคัญของผู้เรียน
                          การสอนที่เน้นสาระการเรียนรู้ เป็นการสอนเนื้อหาหาวิธีต่างๆมาบูรณาการกับจุดหมายของการสอนภาษา คือผู้เรียนใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และในขณะเดียวกันก็พัฒนาการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารไปด้วย
                          การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ เป็นการเรียนรู้ซึ่งเปิดโอกาสให้ใช้วิธีตั้งคำถามและขบวนการแก้ปัญหาเป็นตัวนำกระบวนการแสดงความรู้และทักษะโดยไม่ยึดติดโครงสร้างของสาขาต่างๆทางด้านวิชาการ
                           การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นั้นจะมีประสิทธิภาพดี เพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับครูเละผู้เรียนเป็นสำคัญ ครูในศตวรรษที่ 21 จะต้องสนใจในเทคโนโลยีต่างๆมีการปรับการเรียนการสอนอย่างบูรณาการมีนวัตกรรม ICT ที่มีคุณสมบัติของด้านเทคโนโลยีโดยใช้ระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์(social network)มาสนับสนุนการเรียนรู้และการบริหารจัดการทางด้านวิชาการ บุคคล งบประมาน และการบริหารทั่วไปเพื่อการพัฒนา คุณภาพเด็กไทยยุคใหม่ด้วยสารสนเทศรอบด้านและจัด โรงเรียนที่มีพร้อมสูง จัดแหล่งเรียนรู้แบบ e-classroom, e-learning, e-library, e-office, e-student, e-service  เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนและสื่อสังคมสมัยใหม่สามารถสามารถยกระดับคุณภาพสถานศึกษายุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพสร้างความเท่าเทียมกันทางด้านการศึกษาเพื่อให้การศึกษาในศตวรรษที่ 21 มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น           




Learning Log
29 October – 30 October 2015
สิ่งที่เรียนรู้จากการอบรม “เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ”

การเรียนวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาทักษะนั้น  จะต้องใช้ความมานะพยายาม  อดทน  หลักการศึกษาวิชาภาษาอังกฤษไม่มีหลักสูตรสำเร็จตายตัว  การเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนภาษาอังกฤษนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กไทยในปัจจุบัน  โดยฮาร์เมอร์(2547)  กล่าวว่าผู้เรียนภาษาในห้องเรียนจะต้องมีแรงจูงใจมีโอกาสฟังหรือเห็นการใช้ภาษาด้วย  ถึงจะช่วยให้ผู้เรียนเรียนได้ผลดี ดังนั้น Jeremy Harmer   ได้เสนอองค์ประกอบที่จำเป็นในการเรียนภาษาเพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้ผลดีกว่ามี 3 ประการ  โดยเรียกองค์ประกอบเหล่านี้ว่า "ESA"  ได้แก่การทำให้ผู้เรียนสนใจและอยากมีส่วนร่วม(engage) การศึกษา(study)  กิจกรรมที่ผู้เรียนให้ความสำคัญกับตัวภาษาหรือความรู้ทางภาษา  การกระตุ้นการใช้ภาษา(active) ซึ่ง  "ESA"นี้ต่างก็เป็นกิจกรรมที่สอดแทรก อยู่ในแต่ละรูปแบบของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ครูผู้สอนจะนำมาประยุกต์ใช้ในการสอนภาษาอังกฤษ
การจัดการเรียนการสอนมีหลากหลายรูปแบบซึ่งแต่ละรูปแบบต่างก็มีแนวการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน  ในการสอนแต่ละครั้งครูผู้สอนจะต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของการเลือกรูปแบบการเรียนการสอน  ด้วยรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษมีดังนี้
Ø การเรียนการสอนการออกเสียง  เป็นการออกเสียงแต่ละคำ  (individual sound) การเน้นระดับเสียงคำ(word stress)  การเน้นเสียงระดับประโยค (sentence stress)  ทำนองเสียง  (intonation)  จังหวะ(rhyme)
Ø การเรียนการสอนคำศัพท์  โดยสอนเทคนิควิธีจำคำศัพท์ว่ามี 6 วิธีดังนี้คือ  จำคำศัพท์เป็นกลุ่มจำคำศัพท์และวาดภาพคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกัน  ใช้อุปกรณ์ช่วยสำหรับการทำบัตรคำศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมความหมายและตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ  สร้างจุดเด่นของลักษณะคำศัพท์กลุ่มนั้น  การให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการสอนและการกำหนดเป้าหมายอย่างง่ายๆแต่ทำอย่างสม่ำเสมอ
Ø การเรียนการสอนไวยากรณ์เป็นการกล่าวถึงสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้ผู้เรียนไวยากรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  คือ  รู้จักสังเกต(Notice) เนื้อหาทางภาษาที่ใช้ในสาร(text)  เข้าใจ(understand) รูปแบบของภาษา(form)  ลองใช้(Try Things Out) ้  และมีโอกาสได้ฝึกใช้(Have Opportunity) ้  และการใช้ (use) ทั้งในการพูดและการเขียนทั้งนี้ต้องให้นักเรียนได้ฝึกทำซ้ำซ้ำอย่างสม่ำเสมอ
Ø การเรียนการสอนทักษะการฟัง  การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนทักษะการฟังตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร  มี 3 ขั้นตอนได้แก่กิจกรรมก่อนการฟัง  กิจกรรมระหว่างฟัง  และกิจกรรมหลังฟัง
Ø การเรียนการสอนทักษะการพูดการสอนทักษะการพูดแบ่งออกเป็น 2 ระดับได้แก่
-                    ระดับเตรียมตัว สอนให้พูดเรียนแบบตัวอย่าง
-                   ระดับแสดงออก  เมื่อผู้เรียนสามารถจดจำคำและประโยคได้พอควรแล้วจะสามารถพูดแสดงความตั้งใจของตนเองออกไปให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆได้
Ø การเรียนการสอนทักษะการอ่าน  การจัดกิจกรรมการสอนทักษะการอ่านตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารมี 3 ขั้นตอนได้แก่กิจกรรมก่อนการอ่าน (pre – listening) กิจกรรมระหว่างการอ่าน (while – listening) และกิจกรรมหลังการอ่าน (post – listening)
Ø การเรียนการสอนทักษะการเขียน   ทักษะการเขียนเป็นทักษะการส่งสาร(productive skill)  ชั้นเดียวกับทักษะการพูด  การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการเขียนมี 3 ขั้นตอนได้แก่  การนำเสนอเนื้อหา/การนำเข้าสู่บทเรียน(presentation)   การฝึกปฏิบัติ/การเรียบเรียงเนื้อความ (practice)  และการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร/สร้างสรรค์งานเขียน (production/creating texts)

ในปัจจุบันช่วงศตวรรษที่ 21  ถ้าเรียนการสอนต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ครูผู้สอนควรเน้นเรื่องการใช้ภาษาในสถานการณ์ที่เกิดจริง  และส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมทั้งในบทบาทของผู้ส่งสาร(sender)  ผู้รับสาร(Receiver) เพื่อนำไปสู่ปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่นในชั้นเรียนชุมชนและสังคม  ผู้เรียนจะมีการใช้ภาษาอังกฤษในหลากหลายบริบทและในทุกทักษะ  เพราะในปัจจุบันมีความต้องการใช้ภาษามีมากขึ้นเพื่อตอบรับนโยบายของสมาคมอาเซียน  โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งเป้าหมายว่านักเรียนที่จะจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ทุกคนต้องสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้   เด็กไทยจะต้องมีความพยายาม  อดทน  วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาการเรียนที่เป็นวิชาทักษะ  ไม่มีสูตรสำเร็จได้ตายตัว  สำหรับเด็กไทยในปัจจุบันจะต้องมีการสร้างแรงจูงใจในการเรียนและจะต้องมีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริงได้มากที่สุด  และในการเรียนภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพจะต้องมีองค์ประกอบของมาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น