วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log (20th October , 2015)





Learning Log 
(20th October , 2015)

ในภาษาอังกฤษ clause เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะในชีวิตประจำวันของเรานั้นมักจะใช้ clause อยู่บ่อยๆ ซึ่งบางครั้งเราก็อาจจะไม่รู้ว่าเรากำลังใช้ clause อยู่ ซึ่ง clause หรืออนุประโยคต่างๆ หมายถึงกลุ่มคำที่ประกอบด้วยประธานและกริยา ซึ่ง clause จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ Independent clause ซึ่งก็คือ ประโยคอิสระมีความหมายและมีความสมบูรณ์ในตัวมันเอง และ Dependent clause คืออนุประโยคที่ไม่อิสระไม่มีความหมายในตัวมันเอง ซึ่ง Independent clause จะประกอบขึ้นด้วยประธานและกริยาอย่างละตัว  รวมทั้งยังต้องสื่อความคิดที่สมบูรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นประโยคได้ ในการใช้ clause ในแต่ละครั้งควรจะต้องคำนึงถึงว่า clause เป็นกลุ่มคำที่มีประธานและกริยาแต่มีใจความที่ไม่สมบูรณ์ในตัวเอง แต่ไม่สามารถอยู่โดยลำพังได้ ต้องอาศัยใจความจากประโยคหลักมาช่วย หรืออีกนัยหนึ่ง clause ก็คือประโยคที่ซ่อนอยู่ประโยคนั่นเอง clause อาจใช้เสมือนเป็น noun, adjective หรือ adverb ก็ได้ ซึ่งในชีวิตประจำวันนั้นเราก็ต่างพบและใช้ clause อยู่เป็นประจำ
                adverb clause
              adverb clause ใช้ขยายคำกริยา คำคุณศัพท์ หรือคำกริยาวิเศษณ์ใน main clause โดยสามารถวางไว้ข้างหน้าหรือข้างหลัง main clause ก็ได้ ถ้าอยู่หน้า main clause จะมีเครื่องหมาย comma (,) คั่น เช่น
When the chairperson comes in, we will start our meeting.
http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module12/images/con1.png
We will start our meeting when the chairperson comes in.
http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module12/images/con2.png
ประเภทของ adverb clause
adverb clause อาจแบ่งเป็น 10 ประเภท ได้แก่
1. Adverb Clause of Time ใช้แสดงเวลา
2. Adverb Clause of Place ใช้แสดงสถานที่
3. Adverb Clause of Manner ใช้แสดงอาการ
4. Adverb Clause of Purpose ใช้แสดงวัตถุประสงค์
5. Adverb Clause of Reason/Cause ใช้แสดงเหตุผล/สาเหตุ
6. Adverb Clause of Result ใช้แสดงผล
7. Adverb Clause of Condition ใช้แสดงเงื่อนไข
8. Adverb Clause of Concession/Contrast ใช้แสดงใจความที่ขัดแย้งกัน
9. Adverb Clause of Comparison ใช้แสดงการเปรียบเทียบ/เปรียบเหมือนว่า เท่ากันมากกว่า หรือน้อยกว่ากัน

                Adverb Clause of Time (วิเศษณานุประโยคที่บอกเกี่ยวกับเวลา)
                คำสันธาน ( Conjunctions ) ที่ใช้เชื่อมอนุประโยคเพื่อบอกเวลาได้แก่ when, before,after, since, as soon as , till , until , whenever ตัวอย่างเช่น

when , while
Ø While I was walking along the street,I saw a filmstar yesterday.
เมื่อวานนี้ขณะที่ผมกำลังเดินไปตามถนนอยู่นั้นผมได้เห็นดาราภาพยนตร์คนหนึ่ง
Ø She will go when her fater arrives.             
เธอจะไปเมื่อคุณพ่อของเธอมาถึง
Ø The alarm clock is useful when I go to bed late at night.     
นาฬิกาปลุกนั้นมีประโยชน์เมื่อผมเข้านอกดึก
*หมายเหตุ 
       - ประโยคแรก Adverb Clause คือ While I was walking along the street
           ขยายกริยา saw ในประโยคหลัก
       - ประโยคที่สอง Adverb Clause คือ when her father arrives ขยายกริยาแท้
           ก็คือ go ในประโยคหลัก
       - ประโยคที่สาม Adverb Clause คือ when I go to bed late at night
          ขยายคุณศัพท์ก็คือ useful ในประโยคหลัก

Before
Before I go to bed, I must read a book.     
ก่อนที่ผมจะเข้านอน ผมจะต้องอ่านหนังสือก่อน
You have to came to see me before I leave for Canada.       
คุณจะต้องมาพบผมก่อนที่ผมจะเดินทางไปประเทศแคนาดา

After
After the student had left, the headmaster arrived.
หลักจากที่นักเรียนกลุ่มนั้นออกไปแล้วครูใหญ่ก็ได้มาถึง
He called me after he had finished his homework.
เขาโทรมาหาฉัน หลังจากที่เขาได้ทำการบ้านของเขาเสร็จ

Since
Since she arrived in Bangkok, She hasn't called me yet.      
ตั้งแต่เธอเดินทางมาถึงกรุงเทพเธอยังไม่ได้โทรศัพท์หาผมเลย
He has been working in a company since he left school.      
เขาได้ทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งเรื่อยมาตั้งแต่เขาเรียนหนังสือจบแล้ว

As soon as
Suda will leave home as soon as you arrive.            
พอคุณสุดามาถึง สุดาก็จะไปทันที
As soon as she finished reading the note, she rang up her mother.    
ทันที่ที่เธออ่านข้อความนั้นเสร็จ เธอก็ได้โทรศัพท์ไปหาคุณแม่ของเธอ

While = at the same time as (ขณะที่)
While she was cooking, I was reading.      
ขณะที่เธอกำลังทำอาหาร ผมก็กำลังอ่านหนังสือ
Everybody was quiet, while I was teaching.            
ทุกคนเงียบขณะที่ผมกำลังสอนหนังสืออยู่

As = while
Everybody laughed as I was teaching.       
ทุกคนหัวเราะ ขณะที่ผมกำลังสอน


Till = until
Don't go anywhere till (until) she comes back.       
อย่าไปไหนจนกว่าเธอกลับมา
I won't go anywhere till (until) you let me go.       
ผมไม่ไปไหนจนกว่าคุณจะให้ผมไป

Whenever
I am happy whenever you come to see me.             
ผมมีความสุขเมื่อคุณมาหาฉัน
Whenever she cries, I am sad.     
เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอร้องไห้ผมก็เศร้าใจ


Reduction of Time Clause
การลดรูปของอนุประโยคบอกเวลา

อนุประโยคบอกเวลาเป็นอนุประโยคซึ่งไม่สามารถอยู่ได้โดยลำพังได้ ซึ่งเชื่อมด้วยตัวเชื่อม AFTER, ONCE, UNTIL, WHEN, WHILE, AS SOON AS and SINE ซึ่ง AFTER, BEFORE, ONCE, UNTIL, WHEN, WHILE, AS SOON AS and SINE สามารถนำมาลดรูปได้ยกเว้น AS and AS SOON AS สามารถทำให้มันสั้นลงได้ ถ้าประธานของอนุประโยคบอกเวลาและประธานของประโยคหลักอ้างถึง คนหรือสิ่งของอันเดียวกันเหมือนๆกัน เช่น
The seed is sown before it is watered.
(“it” อ้างถึง seed)
The seed is sown before being watered.

While he was crossing the street, he met his old friend.
(“The” ใน Subordinate clause และ “he” เป็น clause อ้างถึงสิ่งเดียวกัน)
While crossing the street, he met his old friend.

                อนุประโยคบอกเวลาที่ไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับประธาน เช่น YOU, WE, PEOPLE, SCIENCE, NURSES ว่าจะต้องอ้างถึงสิ่งที่เหมือนกัน จึงสามารถลดรูปได้ เช่น
Ø When a nurse observes the patient, the ease and difficult of breathing are noted.
Ø When observing the patient, the ease and difficulty of breathing are noted.


แต่ถ้าตามด้วยอนุประโยคเหล่านี้ห้ามลดรูป
Ø After John came, Marry left.
(“John” and “Marry” are different persons.)

Ø When the sun radiates heat, sea water evaporator.
(“the sun” and “sea” water “refer to different things.)

นอกจากนี้เมื่อการกระทำอนุประโยคบอกเวลาที่สมบูรณ์แล้ว อนุประโยคนั้นไม่สามารถลดรูปได้ เช่น
He has lived here since he was born. (RIGHR)
He has lived here since being born. (WRONG)

ถ้าประธานของอนุประโยคบอกเวลาเป็นประธานของประโยคหลักเป็นคำสรรพนามอ้างถึงคำนาม ประธานของอนุประโยคจะต้องสลับกันก่อนที่จะลดรูป เช่น
After water is heated, it became hot.
After it heated, water became hot.
After being heated, water became hot.

การลดรูปของอนุประโยคบอกเวลาสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท
อนุประโยคที่ขึ้นต้นด้วย “AFTER, BEFORE or SINCE”
กฎ
A. ละประธานในอนุประโยคบอกเวลา (ถ้าอ้างถึงสิ่งของหรือคนในประโยคหลัก)
B. ละกริยาช่วยในอนุประโยคบอกเวลา และเปลี่ยนคำกริยาให้เป็น –ing
คำกริยาในอนุประโยคบอกเวลาเป็น PRESENT or PAST PERFECT TENSE กริยาช่วย HAVE/HAS/OR HAD หรือเปลี่ยนเป็น HAVING และตามด้วย PAST PARTICIPLE ถ้าคำกริยาในประโยคเป็นผู้ถูกกระทำจะต้องเปลี่ยนเป็น BEING + PAST PARTICIPLE
C. อนุประโยคบอกเวลาที่ขึ้นต้นด้วย AFTER, BEFORE or SINCE เมื่อลดรูปต้องขึ้นด้วย VERB – ing เสมอไม่ว่าจะเป็น active หรือ passive
After he finished high school, he continued his studies for bachelor degree.
After finishing high school, he continued his studies for bachelor degree.

·       AFTER, BEFORE or SINCE สามารถตามด้วย VERB – ing เท่านั้นทั้งใน active และ passive ไม่สามารถตามด้วย VERD –ed
The seed is sawn before it is watered.
The seed is sawn being watered. (RIGHT)
The seed is sawn before watered. (WRONG)
                ในชีวิตประจำวันเมื่อมีการ อ่าน ฟัง พูด เขียน ล้วนมีการใช้ประโยคเพื่อให้สามารถสื่อสารกับผู้ที่จะต้องการสื่อสารได้อย่างเข้าใจ และถูกต้อง และในแต่ละประโยคที่ได้ฟัง พูด อ่าน หรือเขียนนั้นต่างก็มี clause เข้ามาเกี่ยวข้องโดยที่เรานั้นบางทีไม่รู้ตัวว่ากำลังใช้ clause อยู่  ซึ่ง clause ก็เป็นกลุ่มคำที่มีประธานและกริยาที่มีใจความที่ไม่สมบูรณ์ในตัวเอง ไม่สามารถอยู่ได้โดยลำพัง ต้องอาศัยใจความจากประโยคหลักเข้ามาช่วย หรืออาจพูดได้ว่า clause คือประโยคที่ซ่อนอยู่ในประโยคนั่นเอง clause แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ซึ่งเมื่อเราใช้นั้นเราก็จะต้องแยกให้ออกว่า อันไหนเป็น Independent clause และอันไหนเป็น Dependent clause ซึ่ง Independent clause คือ อนุประโยคอิสระ มีความหมายและมีความสมบูรณ์ในตัวมันเอง ส่วน Dependent clause คือ อนุประโยคที่ไม่อิสระ ไม่มีความหมายที่สมบูรณ์ในตัวเอง การที่เราจะใช้ clause ได้ถูกต้องจะต้องสามารถแยกให้ออกว่า clause นั้นที่จะใช้เป็นแบบใด เมื่อเราแยกออกเราก็สามารถใช้ได้อย่างถูกต้อง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น