Learning log
(15th September, 2015)
การพัฒนาประเทศต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาคน
การพัฒนาคนเริ่มต้นที่การให้ การศึกษา
เพราะเชื่อว่าการศึกษาช่วยสร้างความรู้ความคิด
ทักษะเจตคติให้คนไทยรู้จักตนเองรู้จักชีวิต เข้าใจสังคมและสิ่งแวดล้อม
นำความรู้ความเข้าใจมาใช้ในการแก้ปัญหา รวมทั้งสร้างสรรค์ชีวิตและสังคมให้ดีขึ้น
โดยเฉพาะในยุคของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ก้าวล้ำไปมากดังนั้นจึงจะต้องดำเนินพัฒนาการศึกษาให้ก้าวทันโลกแต่ปัจจุบันนี้เมื่อหันมามองการจัดการศึกษาไทย
การศึกษาไทยกำลังมีปัญหา ซึ่งมีการทำการวิจัยออกมาหลายๆครั้งที่สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวในการจัดการศึกษา
การศึกษาที่มีคุณภาพสามารถเปลี่ยนแปลงคนไปในทางที่ดีกว่าเพราะการศึกษาคือความเจริญงอกงาม
(Education is Growth) และทำหน้าที่พัฒนาคุณภาพชีวิตคน
การศึกษาสามารถจัดคนเข้าสู่อาชีพตามความถนัดและความสนใจได้
การศึกษาสร้างคนให้เป็นคนที่สมบูรณ์ และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก
ทันต่อเหตุการณ์ และแก้ปัญหาสังคม ประเทศและโลกได้
สิ่งที่สำคัญที่จะสามารถทำให้การจัดการศึกษามีคุณภาพคือ
การบูรณาการทางการศึกษา คุณภาพของครูไทยในยุคอาเซียน
และ
การบูรณาการทางการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งในการจัดการศึกษา
ต้องมีการส่งเสริมการผลิตสื่อ
และการคัดกรองหนังสือเรียนที่จะใช้ในการจัดการเรียนการสอน
รวมทั้งการส่งเสริมให้มีการเปิดโรงเรียนนานาชาติมากขึ้น ส่งเสริมโรงเรียน English Program (โรงเรียน EP) ซึ่งเป็นโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ
โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อในการจัดการเรียนการสอน และพัฒนาห้องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ
(Enrichment Class) เพื่อให้ผู้เรียนที่มีศักยภาพทางภาษาอังกฤษสามารถใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารทางสังคม
(Social Interaction) และด้านวิชาการ (Academic
Literacy) และพัฒนาห้องเรียนสนทนาภาษาอังกฤษ
(Conversation Class) ที่เน้นทักษะการฟังและการพูด
การจัดการเรียนการสอนที่บูรณาการระหว่างการสอนแบบนิรนัยและแบบอุปนัยที่จะทำให้การเรียนการสอนในห้องเรียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การเรียนการสอนที่ดีจะต้องมีการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนได้เป็นศูนย์กลางของการจัดการเรียนรู้
การบูรณาการเรียนการสอนระหว่างวิธีสอนแบบนิรนัย (Deductive
Method)และวิธีสอนแบบอุปนัย ( Inductive
Method ) เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดการเรียนรู้แบบนิรนัย(Deductive Method) กระบวนการที่ผู้สอนจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎ ทฤษฎี
หลักเกณฑ์
ข้อเท็จจริงหรือข้อสรุปตามวัตถุประสงค์ในบทเรียน จากนั้นจึงให้ตัวอย่างหลายๆตัวอย่าง หรืออาจให้ผู้เรียนฝึกการนำทฤษฎี หลักการ
หลักเกณฑ์ กฎหรือข้อสรุปไปใช้ในสถานการณ์ที่หลากหลาย
หรืออาจเป็นลักษณะให้ผู้เรียนหาหลักฐานเหตุผลมาพิสูจน์ยืนยันทฤษฎี กฎหรือข้อสรุปเหล่านั้น การจัดการเรียนรู้แบบนี้จะช่วยให้ผู้เรียนเป็นคนที่มีเหตุผล ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ และมีความเข้าใจในกฎเกณฑ์ ทฤษฎี
ข้อสรุปเหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง การสอนแบบนี้
เป็นการสอนจากทฤษฎีหรือกฎไปสูตัวอย่างที่เป็นรายละเอียด
ส่วนวิธีสอนแบบอุปนัย ( Inductive Method )ก็เป็นวิธีการสอนที่จำเป็นต่อการเรียนรู้
วิธีสอนแบบอุปนัย
( Inductive Method ) เป็นการสอนจากรายละเอียดปลีกย่อยไปหากฎเกณฑ์
กล่าวคือ เป็นการสอนแบบย่อยไปหาส่วนรวมหรือสอนจากตัวอย่างไปหากฎเกณฑ์ หลักการ
ข้อเท็จจริง หรือข้อสรุป โดยการให้นักเรียนทำการศึกษา สังเกต ทดลอง เปรียบเทียบ
แล้วพิจารณาค้นหาองค์ประกอบที่เหมือนกันหรือคล้ายคลึงกันจากตัวอย่างต่าง ๆ
เพื่อนำมาเป็นข้อสรุ เพื่อช่วยให้นักเรียนได้ค้นพบกฎเกณฑ์หรือความจริงที่สำคัญ ๆ
ด้วยตนเองกับให้เข้าใจความหมายและความสัมพันธ์ของความคิด ต่าง ๆ อย่างแจ่มแจ้ง
ตลอดจนกระตุ้นให้นักเรียนรู้จักการทำการสอบสวนค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง
ข้อดีจะทำให้นักเรียนเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งและจำได้นาน
ฝึกให้นักเรียนรู้จักคิดตามหลักตรรกศาสตร์ และหลักวิทยาศาสตร์
และให้นักเรียนเข้าใจวิธีการในการแก้ปัญหา
และรู้จักวิธีทำงานที่ถูกต้องตามหลักจิตวิทยา
อย่างไรก็ตามหากการจัดการเรียนการสอนที่ดีต้องสามารถบูรณาการระหว่างวิธีสอนแบบนิรนัย
(Deductive Method)และวิธีสอนแบบอุปนัย ( Inductive Method )
ในอนาคตอันใกล้เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมด้านการศึกษาของไทย
เพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
ซึ่งการสร้างประชาคมอาเซียนด้วยการศึกษาเพื่อให้ประเทศไทยเป็น Education Hub มีการเตรียมความพร้อมในด้านกรอบความคิด คือ
แผนการศึกษาแห่งชาติ ที่จะมุ่งสร้างความตระหนักรู้ของคนไทยในการจัดการศึกษาเพื่อสร้างคนไทยให้
เป็นคนของประชาคมอาเซียน
เพื่อพัฒนาสมรรถนะให้พร้อมจะอยู่ร่วมกันและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้าน
การศึกษา โดยให้มีการร่วมมือกันใน 3 ด้านคือ ด้านพัฒนาคุณภาพการศึกษา
การขยายโอกาสทางการศึกษา และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริการและจัดการศึกษา
การพัฒนามาตรฐานการศึกษาเพื่อส่งเสริมการหมุนเวียนของนักศึกษาและครูอาจารย์
ในอาเซียน รวมทั้งให้มีการยอมรับในคุณสมบัติทางวิชาการร่วมกันในอาเซียน
การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาต่างๆ และการแลกเปลี่ยนเยาวชน
การพัฒนาระบบการศึกษาทางไกล ซึ่งช่วยสนับสนุนการศึกษาตลอดชีวิต
คำว่าครูในประเทศไทยและประเทศในอาเซียนนั้นถือได้ว่าเป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์
ในเวียดนามเชื่อกันว่าครูเหนือกว่าคนอื่นๆ
ในสังคมจะเป็นรองก็แต่พระเจ้าแผ่นดินเท่านั้น
ส่วนของไทยครูถือว่าเป็นพ่อแม่คนที่สอง แต่ปัจจุบันการยอมรับนับถือได้ลดลงไปมาก
ความสำคัญก็ลดน้อยลง ทำให้คนเป็นครูลดความภาคภูมิใจไปด้วย
นอกจากนั้นบทบาทของครูในอดีตจะเป็นผู้ชี้แนะและชี้นำชีวิตในสังคมชุมชนด้วย
แต่บทบาทเหล่านั้นก็ลดลงไป
ปัญหาใหม่ที่พบมากอีกประการหนึ่งคือมีภาระงานมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการสอนและงานอื่นๆ
อีกทั้งสังคมก็เรียกร้องให้ครูมีบทบาทใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาของสังคมด้วย เช่น
แก้ปัญหาคอรัปชั่น
ปัญหาของครูไทยและอาเซียน สะท้อนให้เห็นว่าครูทำงานได้ยากขึ้นในปัจจุบัน
และยิ่งในอนาคตด้วยยิ่งครูทำงานได้ยากมากยิ่งขึ้นไปอีกภาระของครูก็จะมากขึ้นไปด้วย
เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาครูในยุคอาเซียนจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในปัจจุบัน
จากปัญหาในปัจจุบันและภาระในอนาคตที่ชี้ให้เห็นว่าช่องว่างระหว่างปัจจุบันกับอนาคตมีอยู่สูงมาก
จะต้องทำอย่างไรให้ครูในปัจจุบันแก้ปัญหาในปัจจุบันได้และพร้อมที่จะรับภาระในอนาคตได้
คือจะต้องมีระบบฝึกหัดครูใหม่ และเราจะต้องมีกระบวนการผลิตครูใหม่ๆ มากขึ้น
การทำหน้าที่ครูในอนาคตให้ดีและมีคุณภาพสูงจึงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและลำบากมากขึ้นและต้องการการเสียสละอย่างสูง
จึงจำเป็นต้องคัดเลือกคนเก่งและตั้งใจที่จะเป็นครูอย่างแท้จริง
คนที่ไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นครูจะต้องออกไปประกอบอาชีพอื่น
ในขณะเดียวกันสถาบันที่ผลิตครูจะต้องทันสมัย ก้าวหน้า
พัฒนาวิชาการอย่างเข้มแข็งด้วยระบบของการวิจัย แนวทางการพัฒนาครูรุ่นใหม่
จะต้องเน้นเป็นครูให้เป็นผู้สนับสนุนมากกว่าบอกให้ทำ รวมทั้งปลูกฝังอุดมคติ
ความมุ่งมั่น และความเสียสละให้กับครูด้วย สุดท้ายครูต้องรู้จักสังคมและชุมชนของตนอย่างดีพอ
ไม่ใช่รู้จักแต่ข้อมูลภายนอกสังคมของคนอย่างเดียว
บทบาทของครูในอนาคตที่สำคัญคือการเตรียมผู้เรียนให้สอนตนเองได้
บทบาทของครูในอนาคตที่สำคัญคือการเตรียมผู้เรียนให้สอนตนเองได้ต่อไป
ซึ่งประกอบไปด้วย การสอนให้ผู้เรียนกำหนดจุดมุ่งหมายได้เองให้รู้ว่าจะเรียนไปเพื่ออะไร, สอนให้ผู้เรียนหาความรู้ได้เอง
ว่าควรหาที่ไหนอย่างไร, สอนให้ผู้เรียนคัดกรองความรู้ได้เอง
ด้วยการให้เหตุผล ข้อมูล หลักการต่างๆ, สอนให้ผู้เรียนสรุปองค์ความรู้ได้เองด้วยการสอนขั้นตอนการวิเคราะห์
สังเคราะห์ และ การสรุปองค์ความรู้
สอนให้ผู้เรียนตกผลึกในความรู้นั้นด้วยการให้ผู้เรียนได้เข้าใจการวิเคราะห์ตีความและการประเมิน
สอนให้ผู้เรียนประยุกต์ความรู้เป็นว่าจะนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
และสอนให้ผู้เรียนประเมินการสอนได้ด้วยวิธีการและขั้นตอนต่างๆ ตามหลักการประเมิน ทักษะการสอนทั้ง 7
ประการนี้เป็นสิ่งที่ครูผู้สอนในอนาคตไม่ว่าจะสอนในระดับพื้นฐานหรือระดับอุดมศึกษาจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในปัจจุบันกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาในอนาคตเป็นสิ่งที่ทุกคนกำลังจับตามอง
การเปลี่ยนแปลงเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา
ไม่อาจแยกจากกันได้เด็ดขาดได้ว่าเป็นยุคอดีต ยุคปัจจุบัน และยุคอนาคต
แต่จะมีลักษณะที่คาบเกี่ยวและมีความสัมพันธ์ต่อกันเสมือนอยู่บนเส้นตรงเดียวกัน
กระแสการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตก็เช่นกัน
ซึ่งก็อาจมีกระแสหลักอยู่หลายประเด็นที่ได้เกิดมาในอดีต แล้วดำเนินสืบต่อมาใน
ปัจจุบันและอาจต่อเนื่องต่อไปในอนาคตก็ได้
หรืออาจเป็นกระแสหลักที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคตเลยก็ได้
ดังนั้นจึงต้องจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคนไทยให้มีความสมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ
สติปัญญา ความรู้ คุณธรรม จริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ระบบโครงสร้างและกระบวนการศึกษายึดหลักสำคัญ 3
ประการ คือ เป็นการศึกษาสำหรับประชาชนทั่วไปตลอดชีวิต
ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาและการพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
การศึกษาของไทยในอนาคตยังคงต้องมุ่งเน้นที่คุณภาพด้านวิชาการให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสังคมเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันกันสูง
แต่การศึกษาจะมีคุณภาพนั้นผู้เรียนจะต้อง ”มีความรู้
คู่คุณธรรม“
เพื่อพัฒนาคนโดยใช้คุณธรรมเป็นพื้นฐานของกระบวนการเรียนรู้
โดยอาศัยความร่วมมือจากสถาบันครอบ ครัว ชุมชน สถาบันทางศาสนา และสถาบันการศึกษา
การพัฒนาประเทศต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาคน
การพัฒนาคนนั้นจะเริ่มต้นที่การให้การศึกษา
การศึกษาไทยกำลังมีปัญหาซึ่งมีความล้มเหลวในการจัดการศึกษา
ดังนั้นครูจะต้องมีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังให้ผู้เรียนยึดคุณธรรมเป็นพื้นฐานในกระบวนการเรียนรู้และการดำรงชีวิต
ควบคู่ไปกับความรู้ทางวิชาการ ให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีจิตสาธารณะ
นำความรู้ สู่สังคม การศึกษาไทยในอนาคต เยาวชนไทยจะต้องเป็นคนดี มีความรู้ และมีความสุข มีความสมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย
จิตใจ สติปัญญา สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
คิดสร้างสรรค์และรักการเรียนรู้ตลอดชีวิต
เป็นผู้ที่สามารถสร้างความรู้ใหม่ ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ รักการทำงาน
และมีพลวัตในตนเองสูง เป็นผู้มีความสามารถทางด้านภาษาสากล เทคโนโลยี มีความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมนานาชาติ
มีค่านิยมสากล และสามารถบูรณาการวิถีชีวิตไทยกับสังคมสากลได้อย่างมีความสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น